วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ความน่าจะเป็นของคนสองคน

ไม่มีคำว่าผิด ไม่มีคำว่าถูก ในทฤษฎีนี้
อาจมีคนเห็นด้วย หรืออาจมีคนเห็นต่าง
อาจมีคนชอบ และอาจมีคนไม่ชอบ

เคยรู้จักทฤษฎีนี้กันไหม
"ทฤษฎีวงกลม"
ไปดูหนังเรื่อง "หนีตาม กาลิเลโอ" มาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
ในหนังพูดถึงวงกลมสองวง เมื่อเราเขียนวงกลมสองวงทับกัน
จะทำให้เกิดพื้นที่ตรงกลางระหว่างวงกลมสองวง
อาจเป็นพื้นที่เล็ก ๆ
หรืออาจเป็นพื้นที่ใหญ่ แล้วแต่ใครจะวาด
เชือไหมว่า ...พื้นที่ที่เกิดขึ้นนั้น มีความสำคัญมากมาย
ฝ่ายชายบอกผู้หญิงว่า ตอนนี้ผู้หญิงล้ำเส้นเข้ามาตรงกลางมากเกินไป
ทำให้เค้าอึดอัด...
ผู้หญิงเลยบอกว่า ถ้าอึดอัดมาก เราเลิกกันไหม...
เป็นคำถามที่เจ็บปวดใจจัง
และเราก็เลยจำ scene นั้นได้ติดตา
และเกิดคำถามมากมายในหัว

คนเราจะมี space ในการคบกันมากน้อยเพียงใด ?
จะเปิดกว้างให้อีกคนล้ำเส้นเข้ามาเรียนรู้ ?
หรือจะปิดตายไม่ให้อีกฝ่ายรุกล้ำ ?
หรือแค่แง้ม ๆ ให้อีกคนมองเห็นแต่จับต้องไม่ได้ ?

สำหรับเรา
เราจะเขียนวงกลมสองวงให้ทับกัน
โดยให้พื้นที่ระหว่างเราสองคน
วงกลมระหว่างกลาง...
มีขนาดเท่ากับพื้นที่ของเราและอีกคน
อย่างน้อย ก็ไม่ต้องอึดอึดว่าอีกฝ่ายล้ำเส้นเข้ามา
เพราะยังไงเราก็แบ่งสัดส่วนให้มันเท่ากันอยู่แล้ว
ทฤษฎีวงกลม
จะเป็นอะไรได้อีก สำหรับคนสองคน

เคยคิดเล่นอยู่บ่อย ๆ ว่า
การที่คนสองคน ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
จนกระทั่งถึงบั้นปลายของชีวิต
เค้าแบ่งสัดส่วนของวงกลมสองวงเป็นยังไง
เคยอึดอัดไหม ที่ถ้าใครบางคนล้ำเส้นเข้ามา
เคยรู้สึกอยากถอยห่าง หรือหนีไปไกล ๆ ไหม
เวลาที่รู้สึกว่า ความเป็นส่วนตัว โดนคนอีกคนมาแย่งพื้นที่

ถ้าเคยรู้สึก...
ทำยังไงที่สามารถอยู่ด้วยกันได้ โดยไม่ต้องเลิกกัน


ทฤษฎีวงกลมยังเป็นอะไรได้อีกเยอะ
แล้วคุณหล่ะ คิดว่า ทฤษฎีวงกลม สำหรับคนสองคน
ความน่าจะเป็น และความเป็นจริง คืออะไร????
....



วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

วันศุกร์ มีเรื่องอะไรให้สุขใจบ้างไหม



นั่งมองหน้าตัวเองในกระจก สิวขึ้น ขอบตาคล้ำ
เฮ่อ ผลจากการนอนดึกมาหลายคืนติดต่อกัน
นั่งมองดูปากห้อย ๆ จมูกบาน ๆ ขี้แมงวันเยอะ ๆ
เฮ่อ ถอนหายใจ..คงได้แต่ทำใจและทำใจ ก็ดูดีได้แค่นี้
จงพอใจในสิ่งที่ตนเองมีใช่ไหม
แต่ถ้าอยากหล่อและดูดีกว่านี้อีกนิด จะถือว่าโลภมากหรือเปล่า

พรุ่งนี้ไปถ่ายสปอตโฆษณารายการใหม่
จัดรายการที่ช่อง TCC ทุกวันอาทิตย์ เวลา 18.00-19.00 น.
รายการสด เป็นรายการเกี่ยวกับเครื่องสำอางค์ ชื่อรายการ "ทางสู่ฝัน"
อืม..สิวขึ้นแฮะ ชักไม่มั่นใจ จะรอดไหมเนี่ย 555

ช่วงนี้งานเยอะอย่างมาก
เริ่มต้นประชุมสรุปงานแต่วัน แล้วก็สรุปงาน ๆ
วนเวียนอยู่อย่างนี้เป็นวัฎจักรชีวิต
จะบอกว่าเป็นวงเวียนชีวิตก็ดูจะรันทดเหมือนรายการทีวีไปหน่อย
แต่คิดไปคิดมา ชีวิตจริงตอนนี้ก็คงรัดทดไม่แพ้กัน

โปสการ์ดใบแรก
ด้านหลังเขียนไว้ด้วยลายมือน่ารัก ๆ
แทบไม่น่าเชื่อว่าเจ้าของจะลายมือน่ารักได้ขนาดนี้
โปสการ์ดใบแรก
ที่ไม่ต้องส่งผ่านไปรษณีย์ แต่ก็ถึงมือผู้รับ
โปสการ์ดใบแรก
ที่แฝงความรู้สึกไว้หลายอย่าง

นั่งทำงานจนถึงเย็น นึกขึ้นได้ว่าวันนี้วันศุกร์ มีเรื่องอะไรให้สุขใจบ้างไหม
อืม...รอยยิ้มของใครซักคนที่ได้พบ
รอยยิ้มที่ทำให้รู้สึกดี
นั่นแหละ..เพียงพอละ สำหรับวันศุกร์วันนี้
สุขใจที่ได้เห็นรอยยิ้ม และลายมือบนโปสการ์ดใบนั้น

กลับไปนอนดีกว่า รีบนอนแต่หัวค่ำ เผื่อพรุ่งนี้ สิวและขอบตาคล้ำจะได้หายไป

.....

วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

สิ่งที่ได้...จากความคาดหวัง

ทุกวันนี้ จากการทำงานทำให้ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง
การทำงานร่วมกับคนหมู่มาก ทำให้รู้ว่า
การต้องปรับตัวเข้ากับเพื่อนร่วมงานเป็นอย่างไร
จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย บางทีการเป็นตัวของตัวเองซะแต่ทีแรก
ก็อาจดูเป็นเรื่องง่ายสำหรับเรา
การทำงานร่วมกับคนหมู่มาก ทำให้รู้ว่า
การทำงานที่เป็นทีมเวิร์คเป็นยังไง
คงจะเหน็ดเหนื่อย และแทบต้องกลับไปนอนหลับเป็นตาย
หรืออาจบอกกับตัวเองทุกวันว่าทำงานแบบเหนื่อยแสนสาหัสแค่ไหน
ถ้าไม่มีเพื่อนร่วมงาน
การทำงานกับคนหมู่มาก ทำให้รู้ว่า
บางที รอยหยักในสมองของเรา ทำไมมันดูจะน้อยกว่าคนอื่น ๆ เขานะ
ความคิดมาช้ากว่าคนอื่นหนึ่งก้าวเสมอ และบางทีก็คิดว่า ความคิดดี ๆ
มันไปหลบอยู่สมองซีกไหนกันแน่
การทำงานกับคนหมู่มาก ทำให้รู้ว่า
คนเรามีความสามารถต่างกัน เพราะฉะนั้นจงภูมิใจได้เลยว่า
เราก็มีส่วนที่เราเก่ง และส่วนที่เราเก่งนั้น คนอื่นอาจทำได้ดีไม่เท่ากับเรา
การทำงานกับคนหมู่มาก ทำให้รู้ว่า
มีคนแบบนี้อยู่บนโลกใบนี้ด้วยเหรอ การยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือกัน
ดูจะเป็นการยากเหลือเกิน
และนั่นทำให้รู้ว่า การยืนอยู่บนลำแข้งของตัวเอง น่าจะเป็นสิ่งที่ดีสุด
ดีกว่ามานั่งคาดหวังว่า จะมีใครยื่นมือมาช่วยเหลือให้งานนั้นผ่านไปได้

ความคาดหวัง....
ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็ต้องมีอยู่ในตัวเอง
พ่อแม่ ก็คาดหวังว่า ลูกจะมีอนาคตที่ดี ทำงานในบริษัทที่ได้เงินเดือนเยอะ ๆ
พนักงานออฟฟิศ ก็คาดหวังว่า สิ้นปีจะมีโบนัสซักก้อน เงินเดือนขึ้นซัก 5 เปอร์เซ็นต์
เจ้าของบริษัท ก็คาดหวังว่า ปีนี้ผลประกอบจะพอมีกำไรในจุดที่คุ้มทุน
ไม่ต้องจ้างพนักงานออก

ความคาดหวังของคนเรามีหลายแบบ
สำหรับเราแล้ว
คาดหวังว่า จะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก งานพิธีกร งานผู้ประกาศข่าว
คาดหวังว่า จะมีอีเว้นท์ข้างนอกมาให้ทำเรื่อย ๆ เหนื่อยแค่ไหนก็ยอม
คาดหวังว่า พ่อกับแม่จะสบายไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยทำงานอยู่ทุกวันนี้
คาดหวังว่า จะมีเงินเก็บ และทำในสิ่งที่อยากทำ ไปเที่ยวในที่ที่อยากไป
คาดหวังว่า จะพบกับสิ่งดี ๆ ในเรื่องความรัก
คาดหวังว่า ซักวันจะมีพรหมลิขิต ที่ทำให้ไม่ต้องเดินอยู่เดียวดาย
ท่ามกลางผู้คนพลุกพล่านเหมือนทุกวันนี้
ความคาดหวัง ที่ใคร ๆ ก็มี และสำหรับเรา ความคาดหวังมีมากกว่านี้
บางทีก็เป็นความคาดหวังที่ดูเลื่อนลอย ไร้สาระ

แต่ก็ไม่รู้สิ ไร้สาระยังไง เราก็คิดว่า...
ยังดีกว่าคนที่ไม่มีความหวังอะไรเลยในชีวิต :)



วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

นิสัยที่แก้ได้ยาก

ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ที่ตัวเราจะเลิกเป็นคนคิดมากได้ซะที
ไอ้การคิดโน่นคิดนี่ คิดแบบสร้างสรรค์มันคงเป็นเรื่องดีไม่น้อย
แต่การคิดมาก ที่ทำให้ใจเป็นทุกข์ และทำให้เราต้องรู้สึกแย่ ๆ
ทำยังไงจะให้หายได้นะ
เคยพูดกับตัวเองเสมอว่า อย่าได้คิดมาก ทำวันนี้ให้ดีที่สุด...
แต่มันก็เหมือนแค่ลมที่พัดผ่าน เข้าหูซ้ายออกหูขวา จดจำได้เพียงชั่วครู่
แล้วก็ลืม นิสัยเหมือนปลาทองยังไงยังงั้น 555

ถ้าลดเรื่องการคิดมากลงได้ ชีวิตเราคงน่ารื่นรมย์ไม่น้อย
สิ่งที่เรียนรู้ได้จากวันนี้ก็คือ
ถ้าอยากรู้ก็ควรจะถามใช่ไหม การคิดมากเกินไปไม่อาจทำให้อะไรดีขึ้น
คำตอบที่ได้รับ ทำให้เราต้องหันกลับมามองตัวเอง เราโตขึ้น หรือเราเด็กลง
หรือบางที เราคาดหวังกับบางเรื่องมากเกินไปไหม
กับบางสิ่งมันอาจต้องใช้เวลามากกว่านี้หรือไม่ ...
เห็นไหม คิดมากอีกแล้ว ...

เอาเถอะ ตอนนี้ มีความสุขกับรอยยิ้มที่ได้รับก็คงเพียงพอแล้ว

วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

โอ๊ย โอ๊ย ความรู้สึกดีที่ไม่เคยพบ

ตั้งแต่วันที่ฉันได้คุยเพียงครู่สองคนกับเธอครั้งก่อน
กลับมานอนครวญครางละเมอ คอยพร่ำหาเธอเหมือนจะอ้อนวอน
เกิดอะไรขึ้นมาล่ะเออ มันอยากรู้นัก...เปลี่ยนฉันไปจากเดิม...โอ๊ย

จะเป็นเพียงแววตาของเธอทั้งคู่ฉายมาสะกดรึเปล่า
อาจเป็นดาวดวงใดใช้เธอมาหลอกเล่นกล เป็นไปไม่ได้
ออกจะงง คงเป็นเพราะเธอทำสับสน
โอ๊ย...เดี๋ยวอยากรัก เดี๋ยวอยากลืม
โอ๊ย...โอ๊ย...ทุกสิ่งเปลี่ยนไปเพราะเธอ

**เธอทำให้ฉันรักเธอก่อน ไม่อาจถอน
หัวใจมันคอยแอบ แอบมองแบบซึ้ง ซึ้งเ
ธอทำให้ฉันหลงใจอ่อน นอนกอดหมอน..ทุกคืน

จะทนได้นานซักเท่าไร หากคิดถึง โอ๊ย โอย...


อยากจะกินกลืนเธอทั้งตัว ไม่อยากเหลือไว้ให้ใครได้กลิ่น
อยากได้ยินเพียงเสียงของเธอ เพรียกบอกรักเพ้อถึงฉันผู้เดียว
กดอารมณ์ทนไปไม่ไหว ใจมันหวิวหวาม ไม่เจอคงขาดใจ โอ๊ย...โอ๊ย...

โอ่ย โอ๊ย ...คิดถึงจัง..เธอ

เคยไหมที่ฟังเพลง ๆ นึงแล้วจะรู้สึกดีได้ขนาดนี้
การคิดถึงใครสักคนเป็นเรื่องที่มีทั้งความสุขและทรมานไปในตัว
ขอมอบเพลงนี้ให้กับคนบางคน
คนที่ทำให้ยิ้มได้ คนที่ทำให้โลกทั้งใบเป็นสีชมพู
คนที่ทำให้ชีวิตที่ก้าวไปอย่างโดดเดี่ยว กลับกลายเป็นความอบอุ่นใจ

แต่ไม่ว่ายังไง ความรู้สึกดีก็ต้องใช้เวลา
นานแค่ไหนก็จะรอ
โอ๊ย โอ๊ย ...อยากเห็นหน้าจังเลย

วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ปล่อยให้ใจเราตัดสินเอง

เคยไหมที่มีเรื่องเสียใจ คนเราจะมีเรื่องเสียใจได้กี่เรื่องหล่ะ สำหรับบางคน เรื่องเพียงเล็กน้อยอาจเป็นเรื่องที่เสียใจอย่างยิ่งใหญ่สำหรับเค้าก็เป็นได้ เราเองก็มีเรื่องเสียใจตั้งเยอะ การตัดสินใจในเรื่องใด ๆ ก็ตาม ที่ผลลัพธ์ออกมาทำให้เราเจ็บปวดและบางคนต้องเจ็บปวดไปด้วย นั่นก็เป็นเรื่องที่เสียใจสำหรับเรา แต่สักวัน เมื่อเวลาผ่านไป ความเสียใจจะเป็นเพียงรอยแผล อาจเป็นรอยแผลเป็นเล็ก ๆ ทายาก็หาย หรืออาจเป็นแผลอักเสบเรื้อรังอยู่ตลอดชีวิตก็ได้
เราว่าการจะทำอะไรซักอย่าง ให้ใจของเราตัดสินเองดีกว่า เราว่าชีวิตเราเข้มแข็งพอสำหรับการรับมือกับหลาย ๆ เรื่อง ทั้งความเจ็บปวด เสียใจ เศร้าใจ ผิดหวัง อกหัก หมดหวัง หรือแม้กระทั่งความเสียใจต่อการสูญเสีย เพราะฉะนั้นชีวิตต้องก้าวต่อไปข้างหน้า
เราเข้มแข็งได้เพียงนี้เลยเหรอ นั่นก็เพราะ เราปล่อยให้ใจเราตัดสินเองไง

เคยไหมที่มีเรื่องสุขใจ คนเรามีเรื่องสุขใจได้ตั้งเยอะ ตื่นมาเช้านี้อากาศแจ่มใจ นั่นก็ทำให้อารมณ์ดี เดินมาปากซอยแป๊บเดียว เจอมอไซค์มารับถึงที่ ไม่ต้องเดินไกล นั่นก็อารมณ์ดี เดินเข้าร้านอาหารมีแต่กับข้าวที่เราชอบ นั่นก็อารมณ์ดี มาถึงที่ออฟฟิศมีเมลดี ๆ ให้อ่าน งานโปรเจคผ่าน นั่นก็อารมณ์ดี
งั้นเราจะจมอยู่กับความเสียใจไปทำไมกัน เลือกรับแต่สิ่งดี ๆ ที่ทำให้ตัวเรามีความสุขไม่ดีกว่าเหรอ มองข้ามเรื่องที่ทำให้เสียใจไปเถอะนะ

ช่วงนี้ทั้งงานในและงานนอกประเดประดังเข้ามาไม่หยุด ถ้าจะเปรียบเป็นพายุก็อาจเป็นพายุฝน ทั้งเปียกปอนและสั่นไหวด้วยแรงลม แต่ก็เอาเถอะ ชีวิตคงต้องเจอหลายรสชาติบ้าง ถ้าชีวิตเป็นเหมือนทะเลสงบ ๆ ไม่มีคลื่นมากระทบฝั่งให้เราได้ยิน ชีวิตคงขาดสีสันน่าดู ปลายเดือนมีอีเว้นท์ของบริษัทสองงานที่ต้องรับผิดชอบ งานใหญ่เสียด้วย เตรียมงานมาสองเดือนแต่ก็ดูเหมือนยังไม่เพียงพอ นึกถามตัวเองอยู่บ่อย ๆ ต้องเตรียมเป็นปีเลยหรือไรถึงจะออกมาดูดี บางทีแล้วอะไรที่มันด่วน ๆ มันก็ทำให้เราแอ็คทีฟดี เฮ้อ แล้วจะมาบ่นทำไมกันนะ 5555
นอนดึกมาหลายคืน มีเรื่องที่ทำให้คิดหลายเรื่อง ทั้ง ๆ ที่บอกกับตัวเองว่าชีวิตมันต้องมีขึ้นและลงเสมอ หาแต่เรื่องสุขใจใส่ตัวดีกว่า แต่บางขณะก็ทำได้ยากเหลือเกิน แต่ตอนนี้จะบอกกับตัวเองว่า วันข้างหน้ารออยู่ คนที่รักเราก็รออยู่ ก้าวไปข้างหน้าอย่ากลัวอะไรเลย
เสาร์-อาทิตย์ ที่ 27-28 มิ.ย. ที่ผ่านมาไปทำงานโอทอปที่ชาเลนเจอร์เมืองทอง สนุกดี แต่ก็ยังคิดว่าเราเองทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร วันที่ 26 จริง ๆ นัดเพื่อนให้ไปทำแทน แต่เบี้ยวไม่ยอมไป โทรไปก็ไม่รับสาย จนกระทั่งถึงวันนี้ก็ยังไม่โทรหาเราเลย อุตส่าห์โยนงานให้หลายงาน สุดท้ายก็มาทำกันแบบนี้ โดนด่าซะเยอะ แต่ก็เอาเหอะ ซื้อใจเพื่อนน่ะ อย่างน้อยก็รู้ว่า นิสัยของคนเราเป็นยังไง

พรุ่งนี้มีประชุมช่วงบ่าย แล้วตอนเย็นต้องไปจัดรายการอีก รีบกลับไปนอนดีกว่า พักผ่อนเยอะ ๆ เจอเรื่องอะไรก็ตาม ปล่อยให้ใจเราตัดสินเองดีกว่า
เพราะไม่ว่ายังไง ผลลัพธ์ที่ได้ เราก็จะยิ้มรับในทุก ๆ เรื่อง